5 แนวทางประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ทุกงานเทศกาลของท้องถิ่นปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น

ในยุคของท้องถิ่นดิจิทัล เทคโนโลยีกลายเป็นผู้ช่วยสำคัญ ที่ทำให้การบริหารจัดการความปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งด้านการวางแผน การเฝ้าระวัง และการสื่อสารแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องจัดกิจกรรม งานประเพณี หรือดูแลการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ การดูแลความปลอดภัยของคนและเมืองให้พร้อมรับมือได้ทุกสถานการณ์ ทั้งอุบัติเหตุบนท้องถนน เหตุฉุกเฉินในงาน หรือภัยธรรมชาติ จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของท้องถิ่น
มาดูกันว่า 5 แนวทางประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ท้องถิ่นดูแลความปลอดภัยในการจัดกิจกรรม งานประเพณี หรือการเดินทางได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน มีอะไรบ้าง
1. จัดตั้งศูนย์สั่งการกลางแบบเรียลไทม์
การจัดตั้งศูนย์สั่งการกลาง หรือ Command Center จะช่วยให้ผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่สามารถติดตามสถานการณ์และตัดสินใจแม่นยำในเรื่องการดูแลความปลอดภัย
โดยศูนย์สั่งการกลางนี้จะต้องสามารถรวบรวมข้อมูลจากกล้อง CCTV, เซนเซอร์ IoT, ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน และฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาประมวลผลไว้ในจุดเดียว ทำให้มองเห็นภาพรวมของเมืองแบบเรียลไทม์ และสามารถสั่งการหรือส่งความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ตัวอย่างระบบที่ช่วยสนับสนุนการทำงานในลักษณะนี้ เช่น “แพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง” จาก เบดร็อค อนาไลติกส์ ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเมือง ดูภาพรวมเมือง ตรวจจับความผิดปกติ และแจ้งเตือนเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ได้อัตโนมัติ

2. ตรวจเช็กความพร้อมของกล้อง CCTV และเซนเซอร์ IoT
ควรตรวจสอบและติดตั้งกล้อง CCTV และเซนเซอร์ IoT ให้พร้อมใช้งาน ก่อนถึงช่วงเทศกาลหรือวันที่มีกิจกรรม เพื่อจะได้ติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์และย้อนหลังได้ทุกเวลา โดยกล้องและเซนเซอร์เหล่านี้จะสามารถติดตามสถานการณ์และตรวจจับความผิดปกติได้ เช่น การจราจรหนาแน่น การรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก เหตุเพลิงไหม้ หรืออุบัติเหตุบนถนน
ยิ่งเมื่อนำมาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง ก็จะสามารถแจ้งเตือนอัตโนมัติไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้ทันที ทำให้เข้าช่วยเหลือได้รวดเร็ว ลดความเสียหาย และเพิ่มความปลอดภัยให้ประชาชน

3. เปิดช่องทางดิจิทัลให้ประชาชนร่วมแจ้งเหตุ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรเปิดช่องทางออนไลน์สำหรับรับแจ้งเหตุหรือร้องเรียนเพิ่มเติม นอกเหนือจากเบอร์โทรศัพท์หรือสำนักงาน เพื่อให้ประชาชนแจ้งเหตุได้สะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่ายทุกเวลา
ตัวอย่างเช่น “BELL ME” แพลตฟอร์มจัดการการแจ้งเหตุและปัญหาออนไลน์ ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุ ร้องเรียน หรือติดต่อราชการได้โดยตรงผ่าน LINE OA หรือเว็บไซต์ของท้องถิ่น พร้อมแนบภาพและพิกัดได้อย่างแม่นยำ ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้รวดเร็ว ตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ มาวิเคราะห์และคาดการณ์ความเสี่ยง
จัดทำหรือนำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาวิเคราะห์และคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า เพื่อระบุจุดเสี่ยง เช่น พื้นที่น้ำท่วม จุดอุบัติเหตุ หรือบริเวณที่อาจเกิดอาชญากรรม เพื่อให้เห็นภาพรวมของความเสี่ยงได้ชัดเจน นำไปสู่การวางแผนจัดการได้ตรงจุด ตั้งแต่การปรับผังพื้นที่จัดงานเทศกาล การเพิ่มจุดตรวจ จุดสังเกต ไปจนถึงการจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อป้องกันเหตุก่อนเกิด
ตัวอย่างเช่น “เทคโนโลยีบริหารจัดการภัยพิบัติอัจฉริยะแบบครบวงจร” จาก เบดร็อค อนาไลติกส์ ที่ช่วยให้ท้องถิ่นบริหารจัดการภัยพิบัติได้ครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคาดการณ์ การรับมือ ไปจนถึงการฟื้นฟูพื้นที่

5. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงเทศกาลและงานกิจกรรม มักจะมีคนเดินทางและรวมตัวกันจำนวนมาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรใช้ทั้งช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook, Line OA, เว็บไซต์ และช่องทางออฟไลน์ เช่น เสียงตามสาย รถกระจายเสียง หรือประกาศในชุมชน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลสำคัญอย่างต่อเนื่อง ป้องกันข่าวลวงหรือข่าวบิดเบือน ที่อาจสร้างความตื่นตระหนก ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางเลี่ยงรถติด แจ้งจุดเสี่ยงภัย รายงานสถานการณ์ หรือแนวทางการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุ เพื่อให้ประชาชนตั้งรับได้ทันและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลถูกใช้ในมือของคนในท้องถิ่นที่เข้าใจพื้นที่อย่างแท้จริง เชื่อได้ว่าท้องถิ่นดิจิทัลจะพร้อมรับมือ และสามารถปกป้องและดูแลประชาชนได้อย่างมั่นใจในทุกช่วงเทศกาลและตลอดการจัดกิจกรรมอย่างแน่นอน